ATTA-ททท.เร่งตลาดจีน บุกโรดโชว์ “กว่างโจว-ปักกิ่ง”

เดือนสิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ภาพรวมของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยอยู่ในภาวะชะลอตัวเล็กน้อย โดยเฉพาะตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดหลัก กลุ่มประเทศแถบตลาดอาเซียน เนื่องจากเพิ่งผ่านพ้นการเดินทางท่องเที่ยวไทยในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน (Summer School Break) ที่เริ่มต้นระหว่างปลายเดือนมิถุนายน-กลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงได้ร่วมกับสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) จัดงาน TAT & ATTA Road Show to China 2024 ขึ้นระหว่างวันที่ 2-6 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ณ เมืองกวางเจาและกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกระชับความสัมพันธ์ทางธุรกิจ และอัพเดตข่าวสารทางการท่องเที่ยวระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวของไทยและจีน โดยผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวจากประเทศไทยเข้าร่วมจำนวน 52 ราย

ปรับการตลาดตามพฤติกรรม

“ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร” นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) บอกว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยในปัจจุบันลดน้อยลง เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศจีนยังไม่ฟื้นตัวเมื่อเทียบกับที่ผ่านมา ทางสมาคมจึงมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการทำการตลาด จากเดิมที่เข้ามาแบบกรุ๊ปทัวร์ ที่บรรจุผู้โดยสารประมาณ 30 คน หรือใช้รถบัสในการบริการ ให้เปลี่ยนมาเป็น Small Group แทน (5-6 คน)

และให้บริการแบบ Join Group เที่ยวกันแบบน้อยคน แต่นัดกรุ๊ปอื่นมาทานอาหารพร้อมกัน เป็นต้น ซึ่งจะต้องมีการประสานงานกับทุกภาคส่วน เพื่อที่จะร่วมมือกันในการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคและผู้ประกอบการไปในตัวด้วย

“ศิษฎิวัชร” บอกด้วยว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังจ่ายและรายได้สูงยังคงเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของไทย แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ที่อ่อนไหวต่าง ๆ เช่น ความกังวลเรื่องความปลอดภัย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ชาวจีนให้ความสำคัญมาก ทำให้การเดินทางของชาวจีนอาจจะชะลอตัว อีกทั้งลักษณะการท่องเที่ยวของชาวจีนเองก็เปลี่ยนเป็นการเดินทางแบบทัวร์กลุ่มเล็กมากขึ้น และนิยมเที่ยวเชิงคุณภาพมากขึ้น

“นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้บริหารจัดการยากพอสมควร เนื่องจากมีแพลนการท่องเที่ยวเมืองหลัก เมืองรองเป็นของตนเอง และไม่สะดวกที่จะเข้าร่วมกรุ๊ปกับคนอื่น หรือเช่าเหมาลำจากเมืองรองของจีนมาเที่ยวไทยโดยตรง ทำให้กำหนดได้ยากว่ากลุ่มนี้จะกระจายไปยังแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองหรือไม่ นี่เป็นสิ่งที่ต้องคิดต่อ”

สร้างการรับรู้แหล่งท่องเที่ยวใหม่

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ให้เป็นรู้จักมากขึ้น และทำให้กระจายตัวไปยังเมืองรองต่าง ๆ ได้ พร้อมสร้างความเข้าใจกับสินค้าของผู้ประกอบการ แพ็กเกจทัวร์ต่าง ๆ เรียกความเชื่อมั่น และสร้างความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว

รวมถึงสะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมของประเทศไทยในการจัดงานประชุมใหญ่ จัดสัมมนาระดับนานาชาติต่อไปในอนาคตอีกด้วย

ทั้งนี้ คาดว่าปี 2568 นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทยจะเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเฝ้าระวังในเรื่องของเศรษฐกิจจีน รวมถึงนโยบายของภาครัฐฝั่งจีนด้วย

โหมทำตลาดดึงจีนเที่ยวไทย

“บุญรพี ดำรงรัตน์” ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ให้ข้อมูลว่า ททท.กว่างโจวดูแลพื้นที่ครอบคลุม 5 มณฑล ได้แก่ มณฑลกวางตุ้ง ไห่หนาน ฝูเจี้ยน หูหนาน และเจียงซี

โดยมณฑลกวางตุ้งถือเป็นตลาดหลักที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยมากที่สุด เนื่องจากเป็นเมืองที่มี GDP สูง มุ่งเน้นตลาดเดินทางระยะใกล้ และเป็นเมืองแห่งการค้าขาย ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยจำนวนมาก

ปี 2019 ก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีจำนวนนักท่องเที่ยวจากมณฑลกวางตุ้งเดินทางมาประเทศไทย 2.3 ล้านคน มากกว่าปี 2566 ที่ผ่านมาจำนวน 8.8 แสนคน โดยหลังจากนี้จะมีการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวมากขึ้น โดยชูภาพลักษณ์ประเทศไทยให้มากขึ้น

และนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวตลาดจีนไปยังเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยวของไทยให้มากกว่าเดิม พร้อมจัดทำแคมเปญกับทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ส่วนปีนี้ตั้งเป้าจะทำให้ตัวเลขขยับขึ้นมาเป็น 1.5-1.6 ล้านคน

ดันจีนเที่ยวไทยถึงเป้า 7-8 ล้านคน

ทั้งนี้ นับเป็นสัญญาณบวกและมีนัยสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในภาพรวม และถือเป็นความท้าทายของ ททท.ในปีนี้ ซึ่งจะมีอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวอย่างค่อยเป็นค่อยไป สะท้อนสัญญาณที่ดีที่จะมีการเดินทางมาประเทศไทยอย่างต่อเนื่องและตลอดปี

รวมถึงช่วยผลักดันจำนวนนักท่องเที่ยวจีนปีนี้ให้มีโอกาสเพิ่มขึ้นเป็น 7- 8 ล้านคน ตามเป้าหมายของ ททท.ที่คาดการณ์ไว้

สำหรับแผนการดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมานั้น ททท.จะเน้นสร้างภาพลักษณ์เชิงบวก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการขาย หรือการเชิญ KOL (Key Opinion Leader)/KOC (Key Opinion Consumer) ที่มีชื่อเสียงบนแพลตฟอร์มร่วมเดินทางมายังไทย และนำเสนอคอนเทนต์เชิงบวกให้กับการท่องเที่ยวไทย เป็นต้น

ชู 5 Must Do In Thailand

ด้าน “ยลรวี สิทธิชัย” ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกรุงปักกิ่ง ให้ข้อมูลว่า สำหรับงานโรดโชว์ครั้งนี้ ททท.ได้เสนอชูจุดขาย 5 Must Do In Thailand ได้แก่ Must Taste อาหารไทย / Must Try มวยไทย / Must Buy สินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชน / Must Seek ชูจุดเด่นเมืองน่าเที่ยว / Must See มุ่งจัด Event หรือ Road Show International

เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวคุณภาพยอดนิยมระดับโลก มุ่งส่งมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวอย่างมีความหมาย

“ยลรวี” บอกว่า การจัดงาน TAT & ATTA Road Show to China 2024 ปักกิ่ง ครั้งนี้ มีผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมงาน 370 บริษัท 438 ราย แบ่งออกเป็น มาจากปักกิ่ง 80% และรอบเมืองปักกิ่ง อีก 20% โดยคาดว่าการจัดงานครั้งนี้จะได้รับข้อมูลและคอนแท็กต์ติดต่อกลับไปจากหลาย ๆ ภาคส่วนของจีน ซึ่งจะถือเป็นประโยชน์ให้แก่ทุกภาคส่วน

กทม.ปลายทาง No.1 ของจีน

โดยจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจีนนั้น อันดับ 1 คือ กรุงเทพฯ ประเทศไทย รองลงมาคือ โตเกียว ญี่ปุ่น / กัวลาลัมเปอร์ / โซล และ สิงคโปร์ ตามลำดับ ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทย ในปี 2019 มีจำนวน 11,138,658 คน เมื่อเทียบกับปี 2023 มีจำนวน 3,521,095 คน

ส่วนในปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ส.ค. ที่ผ่านมา มีจำนวน 4.8 ล้านคน โดย ททท.ปักกิ่ง คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทย เป็นไปตามเป้า 7,389,000 คน แน่นอน โดยมี หนีห่าว เฟสติวัล (Nihao Festival) ในช่วงโกลเด้นวีกหยุดยาววันชาติจีน 1 ต.ค.นี้ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนจากทั่วโลกให้มาเยือนประเทศไทย

ทั้งนี้ ททท.จะมีการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายตลอดเดือนตุลาคม 2567 เพื่อชูภาพความเป็น หนีห่าว มันท์ (Nihao Month) หรือเดือนแห่งการจัดเทศกาลร่วมเฉลิมฉลอง มุ่งกระตุ้นยอดนักท่องเที่ยวจีนในช่วงปลายปี โดยจะถือเป็นการโปรโมตประเทศไปในตัวอีกด้วย

มั่นใจปีนี้จีนถึงเป้า 8 ล้านคน

ขณะที่ “ชูวิทย์ ศิริเวชกุล” ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า ททท.ได้ตระหนักว่า นักท่องเที่ยวจีนเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีศักยภาพของประเทศไทย ซึ่งเชื่อว่าการจัดโรดโชว์ในครั้งนี้จะสามารถสร้างประสบการณ์ด้านการเดินทางที่มีความหมาย และสามารถสร้างความสุข ความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวจีนทุกครั้งที่มาเยือนได้

แต่ปัจจุบันประเทศไทยไม่หอมหวานเหมือนในอดีต แม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีน โดยประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-1 ก.ย. 67 ที่ผ่านมา ทั้งสิ้น 23,640,205 คน

สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 1,111,380 ล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวจีนยังคงครองอันดับ 1 อยู่ที่ 4,798,459 คน ซึ่งเชื่อว่าเป้า 8 ล้านคน ยังเป็นไปตามแผนที่คาดการณ์ไว้

พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเปลี่ยน ผู้ประกอบการเร่งปรับตัวรับ

จานโรดโชว์ TAT & ATTA Road Show to China 2024 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-6 กันยายน 2567 ครั้งนี้สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดขึ้น โดยนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยทั้งโรงแรม แหล่งท่องเที่ยว บริษัทนำเที่ยว ฯลฯ รวม 72 รายไปพบปะผู้ประกอบการฝั่งจีน ณ เมืองกว่างโจวและกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

ไม่ห่วงจำนวนนักท่องเที่ยว

ผู้ประกอบการโรงแรมของไทยที่มาเข้าร่วมงานจำนวนหนึ่ง บอกกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ไม่ค่อยกังวลเรื่องนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในไทย เนื่องจากปัจจุบันนักท่องเที่ยวเข้ามาแบบ FIT กันมากขึ้น เห็นได้ชัดจากการเช็กอินเข้ามาในโรงแรม

โดยเมื่อก่อนจะผ่านเอเยนซี่และจะมีการดีลกับแหล่งท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ แต่ทุกวันนี้ นักท่องเที่ยววางแพลนเองได้ เดินทางเองได้ และรู้แหล่งร้านค้า ร้านอาหาร แหล่งช็อปปิ้งจากปากต่อปากกันมากขึ้น ทำให้คนสนใจเดินทางเองกันมากขึ้น

ทางโรงแรมมองว่าไม่ว่าการซื้อแพ็กเกจผ่านเอเยนซี่ หรือจองเข้ามาทางโรงแรมโดยตรง เรื่องของราคาห้องพักไม่ต่างกันเท่าไหร่ เนื่องจากค่าใช้จ่ายผ่านโรงแรมโดยตรง มีค่าส่วนต่าง เรตเงินต่างประเทศ ค่าบริการและดำเนินการผ่านแอป รวมถึงค่าภาษี เป็นต้น

ส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจที่จะเดินทางด้วยตัวเองมากกว่า ทั้งสะดวก เที่ยวได้คุ้มและอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ ได้นานกว่า และเพื่อความสบายใจอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม โรงแรมก็ยังให้โปรโมชั่นห้องพัก และแพ็กเกจท่องเที่ยวต่าง ๆ ควบคู่กันไปด้วย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้น ซึ่งเราก็พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในไทยทุกรูปแบบ

หวังเปิดประสบการณ์ใหม่

“ภูวดี คุนผลิน” ผู้จัดการทั่วไป เจ้าพระยา ครูซ (The Chaophraya Cruise) เล่าว่า ก่อนหน้านั้น “เจ้าพระยา ครูซ” มีการเดินทางไปโรดโชว์ต่างประเทศ ทำการตลาดใหม่ ประสานงานเอเยนซี่ทัวร์ต่าง ๆ เพื่อให้แบรนด์ของ The Chaophraya Cruise เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทั้งตลาดต่างประเทศและในประเทศ

โดยระยะแรกลูกค้าเป็นกลุ่มชาวไทยและชาวยุโรป แต่หลัง ๆ เราก็เริ่มขยายตลาดระยะใกล้ อย่างประเทศจีน เนื่องจากที่ผ่านมาชาวจีนเดินทางเข้าไทยจำนวนมาก จึงเริ่มหันมาเน้นกลุ่มลูกค้าจีนเป็นหลัก เพราะจีนชอบประเทศไทย ชอบอากาศไทย ชอบอาหารไทย

การมาร่วมงาน TAT & ATTA Road Show to China 2024 ในครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ แถมได้ลูกค้าใหม่กลับไป อีกทั้งยังเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ชาวจีนได้รู้จักเรามากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีผู้ประกอบการหน้าใหม่หลายบริษัทติดต่อสอบถามกันเข้ามาเยอะ ขอคอนแท็กต์กลับไป รวมถึงสอบถามถึงแพ็กเกจ โปรโมชั่นต่าง ๆ เป็นต้น

“แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ เพื่อเที่ยวชมวัดวาอารามและบ้านเรือนสองฟากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นจำนวนมาก จนทำให้กรุงเทพฯ ติดอันดับเมืองน่าเที่ยวของโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งการเดินทางล่องเรือสำราญได้ให้ความสนใจในการสร้างตลาดเรือสำราญเพิ่มมากขึ้น เพื่อท่องเที่ยวชมสองฟากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาของกรุงเทพฯ”

สถาบันการศึกษาร่วมวง

ขณะที่รอง ศาสตราจารย์ ดร.ศิวฤทธิ์ พงศกรรังศิลป์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ 1 ในสถาบันการศึกษาที่เข้าร่วมโรดโชว์ครั้งนี้ด้วย ระบุว่า การเข้าร่วมงานในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสในการหาตลาดใหม่ ๆ เพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น และหลังจากนี้จะมีการปรึกษาหารือกับทาง ATTA ในเรื่องของการศึกษาพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวจีน

โดยจะมีการวางแผนร่วมกันทั้งภาครัฐและภาคเอกชนระหว่างจีน-ไทย เพื่อดึงนักท่องเที่ยวชาวจีนไปประเทศไทยให้มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมามหาวิทยาลัยได้ทำงานร่วมกับนักวิชาการและผู้ประกอบการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น คาร์บอน Net Zero รวมไปถึงตลาดสปาของผู้ประกอบการในแต่ละจังหวัดอีกด้วย ซึ่งจะนำสิ่งเหล่านี้มาเป็นจุดขายและสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่นักท่องเที่ยวจีน

พร้อมบอกด้วยว่า การหารือร่วมกันในครั้งนี้จะเป็นการผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวไทยตามแหล่งท่องเที่ยว พร้อมสร้างกระแสการท่องเที่ยวในเมืองน่าเที่ยว ตลอดจนเป็นการสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้คนในชุมชนอีกด้วย

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ATTA-ททท.เร่งตลาดจีน บุกโรดโชว์ “กว่างโจว-ปักกิ่ง”

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่

– Website : https://www.prachachat.net

2024-09-12T08:32:04Z dg43tfdfdgfd