AOTGA เปิด “ศูนย์มัลติโมดอล” ดันไทย HUB ขนส่งระดับภูมิภาค

AOTGA-AOT จับมือกรมศุลกากรเปิดตัว “ศูนย์บริการศุลกากรเพื่อกระจายสินค้า” ครบวงจรครั้งแรกในไทย ด้วยงบฯลงทุน 150 ล้านบาท หวังยกระดับอุตสาหกรรมขนส่ง-โลจิสติกส์ไทยสู่การเป็น Aviation Hub ของภูมิภาค คาดสิ้นปี’67 มีรายได้แตะ 3,000 ล้านบาท

นายสิริวัฒน์ โตวชิรกุล ผู้จัดการใหญ่ บริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด (บพท.) หรือ AOTGA (ออทก้า) ผู้ให้บริการภาคพื้นท่าอากาศยาน และบริการคลังสินค้าในท่าอากาศยาน (Cargo Terminal) เปิดเผยว่า จากที่กรมศุลกากรได้อนุญาตให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เป็นผู้จัดตั้งศูนย์บริการศุลกากรเพื่อกระจายสินค้า และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้มอบหมายให้บริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด หรือ บพท. เป็นผู้ดำเนินการศูนย์บริการศุลกากรเพื่อกระจายสินค้านั้น

ศูนย์มัลติโมดอล แห่งแรกในไทย

ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2567 AOTGA ได้ประกาศเปิดตัว “ศูนย์บริการศุลกากรเพื่อกระจายสินค้า” หรือ Multimodal Transportation Center ณ เขตปลอดอากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (โซน 3) อย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยงบฯลงทุนกว่า 150 ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 4,872 ตารางเมตร

“การเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทยอย่างไม่เคยมีมาก่อน ด้วยการผนวกรูปแบบการขนส่งทุกประเภท ทั้งทางบก ราง น้ำ อากาศ การรวมตู้สินค้า และการเก็บรักษา พร้อมดำเนินพิธีการทางศุลกากรเบ็ดเสร็จในจุดเดียว เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมขนส่งโลจิสติกส์ไทยให้ก้าวสู่การเป็น Aviation Hub ของภูมิภาค” นายสิริวัฒน์กล่าวและว่า

 

สำหรับในส่วนของตัว “ศูนย์มัลติโมดอล” แห่งนี้มีศักยภาพในการรองรับปริมาณการขนส่งได้กว่า 50,000 ตันต่อปี โดยพื้นที่ด้านในจะแบ่งเป็นพื้นที่ให้บริการ 2 ส่วน ได้แก่ 1.Fixed Area พื้นที่สำหรับผู้ประกอบการขนส่งภาคเอกชนที่เป็นผู้ร่วมประกอบกิจการศูนย์บริการศุลกากรเพื่อกระจายสินค้า ซึ่งปัจจุบันได้จับมือ 3 ยักษ์ใหญ่ ได้แก่ FedEx, DHL และ AGS เป็นต้น

และ 2.Public Area พื้นที่ที่ทาง AOTGA ให้บริการเอง โดยหลัก ๆ ตั้งเป้าให้บริการกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการขนส่งทั้งในและต่างประเทศที่เป็นตัวแทนในการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ และผู้ประกอบการของเร่งด่วน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศที่ปัจจุบันมีการเติบโตอย่างโดดเด่นจากการมุ่งเน้นใช้ประเทศไทยเป็น Hub ในกลุ่มประเทศ CLMV และโฟกัสไปยังกลุ่มสินค้า (e-Commerce) จากปัจจัยเกื้อหนุนด้านการบินและเครือข่ายการบินที่เชื่อมโยงสู่ทวีปอื่น ๆ โดยเฉพาะทวีปยุโรป

ชูเทคโนโลยี-ขนส่งไร้รอยต่อ

นอกจากนี้ AOTGA ยังได้นำนวัตกรรมที่ทันสมัยมาให้บริการในศูนย์บริการศุลกากรเพื่อกระจายสินค้า อาทิ ระบบติดตามทางศุลกากรจากด่านศุลกากรมายังศูนย์บริการศุลกากรเพื่อกระจายสินค้าด้วยระบบกุญแจอิเล็กทรอนิกส์ (e-Lock System) และระบบควบคุมสินค้าคงคลัง (e-Inventory) ด้วยเช่นกัน

นอกเหนือจากการขยายคลังสินค้าในครั้งนี้ AOTGA ก็มีแผนที่จะระดมทุน IPO ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายในปี 2568 เพื่อรับงาน 2 โครงการใหญ่ มูลค่ารวมกว่า 67,305 ล้านบาท ได้แก่ โครงการให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น การให้บริการผู้โดยสารภาคพื้นท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของผู้ประกอบการรายที่ 3 วงเงิน 29,390.76 ล้านบาท

และโครงการให้บริการคลังสินค้า (คาร์โก้) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของผู้ประกอบการรายที่ 3 วงเงิน 37,914.56 ล้านบาท

ขณะที่ในปี 2567 ณ สิ้นเดือนกันยายน คาดการณ์ว่า AOTGA จะมีรายได้อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากบริการภาคพื้นดิน 2,500 ล้านบาท และบริการทำความสะอาดแบบครบวงจร 500 ล้านบาท จากปีก่อนหน้ามีรายได้อยู่ที่ 2,866 ล้านบาท

ดันไทยเป็นฮับขนส่งภูมิภาค

ด้าน นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี กรมศุลกากร กล่าวเสริมว่า การจัดตั้งศูนย์บริการศุลกากรเพื่อกระจายสินค้า หรือ Multimodal Transportation Center ดังกล่าวเป็นการจัดตั้งขึ้นตามประกาศกรมศุลกากร ที่ 115/2564 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า และเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค ตลอดจนยังเป็นตัวช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน และช่วยลดขั้นตอนและระยะเวลาในการดำเนินพิธีการทางศุลกากร ทำให้ Ecosystem มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น

“กรมศุลกากรมีความยินดีให้การสนับสนุนภาคเอกชนและตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าในระดับภูมิภาค” นายพันธ์ทองกล่าว

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : AOTGA เปิด “ศูนย์มัลติโมดอล” ดันไทย Hub ขนส่งระดับภูมิภาค

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่

– Website : https://www.prachachat.net

2024-09-08T06:30:02Z dg43tfdfdgfd